คำฝอย




           นั้นมีถิ่นกำเนิดในแถบประเทศตะวันออกกลาง สามารถเจริญเติบโตได้ดีทั้งในเขตหนาว และเขตร้อน สำหรับประเทศไทยมีการนำมาปลูกมากในภาคเหนือ เพื่อนๆหลายท่านคงไม่ทราบว่า ชาจากดอกคำฝอย เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เป็นเครื่องดื่มที่ไร้ซึ่งคาเฟอีน แถมยังมีสรรพคุณทางยาอีกต่างหาก เป็นสมุนไพรไทยที่ดีมากๆ ดอกคำฝอย ชื่อภาษาอังกฤษ เรียก Carthamus tinetorius L. ต้นคำฝอยเป็นต้นไม้ที่พบได้ทางภาคเหนือของประเทศ  ชื่อเรียกอื่นๆของคำฝอย เช่น ดอกคำ คำยอง คำยุง คำหยุม
ดอกคำฝอย พบว่ามีบันทึกไว้ในกระดาษปาปิรัสของอียิปต์ ว่ามีการปลูกต้นคำฝอยบริเวณลุ่มน้ำยูเฟรติส สำหรับใช้เป็นสีผสมน้ำมันสำหรับพิธีกรรมการทำมัมมี่ และในปัจจุบันก็มีการปลูกต้นคำฝอยในพื้นที่อียิปต์ อินเดีย จีน และแถบประเทศที่มีอากาศเย็น เพื่อใช้สำหรับเป็นสีผสมอาหาร ผสมเนยแข็ง และสีย้อมผ้า เป็นต้น

คุณค่าทางโภชนาการของคำฝอย
นักโภชนาการได้ทำการศึกษาประโยชน์ของเมล็ดและดอกของคำฝอย พบว่า มีน้ำมัน 35 เปอร์เซ็นต์ โปรตีน 8-17 เปอร์เซ็นต์ กรดโอเลอิก 10-60 เปอร์เซ็นต์ กรดลิโนเลอิก 60-80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกลีบดอกคำฝอยปริมาณ 100 กรัม มีสารอาหารและสารเคมีประกอบ ประกอบด้วย น้ำมัน 0.83 เปอร์เซ็นต์ โปรตีน 5 เปอร์เซ็นต์ เถ้า 1.9 เปอร์เซ็นต์ กากใยอาหาร 10.4 เปอร์เซ็นต์ แคลเซียม 530 มิลลิกรัม แมกนีเซียม 287 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 7.3 มิลลิกรัม สารคาร์ทามีดีน ( carthamidine ) ให้สีเหลือง และ สารคาร์ทามีน ( carthamine ) ให้สีแดง

ต้นคำฝอยเป็นอย่างไร
คำฝอยเป็นไม้ล้มลุก ความสูงประมาณ 1 เมตร ขอบใบเป็นหยักเหมือนฟันเลื่อย ปลายของใบจะแหลม เป็นพืชสมุนไพรที่ปลูกง่ายและชอบอากาศเย็น โดยลักษณะของต้นคำฝอย มีดังนี้
  • ลำต้นคำฝอย เป็นลักษณะสัน แตกกิ่งก้านมาก เป็นพืชที่มีอายุสั้น ทนแล้ง เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีระดับความสูงต่ำกว่า 1,000 เมตร ชอบดินร่วนปนทรายหรือดินที่มีการระบายน้ำได้ดี โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการงอกจะอยู่ระหว่าง 5-15 องศาเซลเซียส ส่วนอุณหภูมิที่เหมาะสมในช่วงออกดอกคือ 24-32 องศาเซลเซียส ใช้ระยะเวลาการปลูกประมาณ 80-120 วันจนเก็บเกี่ยว
    ต้นคําฝอย
  • ใบคำฝอย มีใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปวงรี ลักษณะของใบคล้ายรูปหอกหรือรูปขอบขนาน ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย ปลายเป็นหนามแหลม ใบมีความกว้างประมาณ 1-5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-12 เซนติเมตร
  • ดอกคำฝอย ออกดอกรวมกันเป็นช่ออัดแน่นบนฐานดอกที่ปลายยอด มีดอกย่อยขนาดเล็กจำนวนมาก ดอกคำฝอยมีลักษณะกลมคล้ายดอกดาวเรือง เมื่อดอกคำฝอยบานใหม่ ๆ จะมีกลีบดอกสีเหลืองแล้วจึงค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีส้ม เมื่อแก่จัดดอกจะเปลี่ยนเป็นสีส้มแดง ที่ดอกมีใบประดับแข็งเป็นหนามรองรับช่อดอกอยู่
  • ผลคำฝอย ลักษณะของผลคล้ายรูปไข่หัวกลับ ผลเบี้ยว ๆ มีสีขาวงาช้างปลายตัด มีสัน 4 สัน ขนาดของผลยาวประมาณ 0.6-0.8 เซนติเมตร ผลเป็นผลแห้งไม่แตก ด้านในผลมีเมล็ดเป็นรูปสามเหลี่ยมยาวรี เปลือกแข็ง มีสีขาว ขนาดเล็ก เมื่อผลแก่แห้งเมล็ดจะไม่แตกกระจาย
ข้อควรระวังการใช้ประโยชน์ของคำฝอย
  1.  สตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน เนื่องจากดอกคำฝอย มีฤทธิ์ขับประจำเดือน และทำให้กล้ามเนื้อมดลูกหดตัว อาจทำให้แท้งลูกได้
  2. ควรระมัดระวังการใช้ดอกคำฝอยร่วมกับยาในกลุ่มต้านเกร็ดเลือดแข็งตัว
แม้ว่าดอกคำฝอยจะเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณแทบจะครอบจักรวาล แต่ก็ยังมีข้อควรระวังก่อนทานเช่นกัน ดอกคำฝอยมักถูกใช้เป็นส่วนประกอบของยาสมุนไพร โดยจัดรวมกลุ่มใช้ด้วยกันกับยา หรือพืชตัวอื่นๆ จะไม่ใช้ดอกคำฝอยเดี่ยวๆ เพราะต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม มิเช่นนั้นอาจส่งผลกระทบต่อระบบเลือดได้ หากทานดอกคำฝอยมากเกินไป หรือติดต่อกันนานเกินไป อาจส่งผลให้มีอาการโลหิตจางได้ ซึ่งทำให้มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย วิงเวียนศีรษะ หรืออาจทำให้โลหิตประจำเดือนมามากผิดปกติ


เครดิตข้อมูล https://beezab.com/
เครดิตคลิปวีดีโอ หมูออมสิน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น